วิธีซื้อภาพ Shutterstock (ราคา, ซื้อภาพเดียว, เงื่อนไข)

ก่อนจะซื้อรูปจาก Shutterstock อ่านบทความนี้ก่อนครับ

ผมจะอธิบายประเด็นสำคัญดังนี้ (กดลิงก์เพื่อข้ามไปอ่านหัวข้อนั้นๆ ได้)

มาเริ่มหัวข้อแรกกันเลยครับ

Shutterstock ราคารูปละเท่าไหร่

สิ่งแรกที่คนอยากรู้คือ Shutterstock เนี่ยมันราคาเท่าไหร่ต่อภาพ (กดลิงก์ด้านล่างเพื่อดูราคาประกอบไปด้วย ลิงก์จะเปิดในหน้าใหม่)

คำตอบคือราคามันไม่แน่นอนครับ ราคาอาจจะต่ำกว่าร้อยบาทต่อรูป หรืออาจจะแพงเกินพันบาทต่อรูปก็ได้

ราคาขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย

  1. คุณจะซื้อ license ประเภทไหน: standard license (สิทธิ์ใช้งานแบบมาตรฐาน) หรือ enhanced license (สิทธิ์ใช้งานแบบเพิ่มเติม) โดยแบบหลังเอารูปไปใช้งานได้กว้างกว่า แต่ก็ราคาต่อรูปก็แพงกว่าหลายเท่าตัว ซึ่งกรณีส่วนใหญ่ซื้อภาพลิขสิทธิ์แบบ standard license ก็เพียงพอครับ
  2. ซื้อ plan ไหน เช่น ถ้าซื้อ plan แบบจ่ายเงินล่วงหน้าหนึ่งปี ราคาต่อรูปก็จะถูกกว่าแบบจ่ายรายเดือน
  3. จำนวนภาพที่ซื้อ คือพอเลือก plan แล้ว เราต้องเลือกต่อด้วยว่าต้องการซื้อกี่ภาพ (ยิ่งซื้อภาพเยอะราคาต่อภาพยิ่งถูก)

เพื่อความสะดวก ผมขอแจกแจงราคา “โดยประมาณ” ให้คุณตามด้านล่าง

สมมุติว่าคุณซื้อรูป standard license (ซึ่งเป็น license ที่คนส่วนใหญ่ซื้อ) โดยเลือกเป็นสมาชิกรายเดือนแค่เดือนเดียว (คือพอจ่ายเงินปุ๊ปเราล็อกอินไปเซ็ตค่าไม่ให้มันต่ออายุสมาชิกโดยอัตโนมัติ) ราคาจะเป็นเท่านี้ครับ

  • ซื้อ 10 รูป (มีเวลาดาวน์โหลดรูป 1 เดือน) ราคารูปละ 162 บาท
  • ซื้อ 25 รูป (มีเวลาดาวน์โหลดรูป 1 เดือน) ราคารูปละ 117 บาท
  • ซื้อ 50 รูป (มีเวลาดาวน์โหลดรูป 1 เดือน) ราคารูปละ 83 บาท
  • ซื้อ 150 รูป (มีเวลาดาวน์โหลดรูป 1 เดือน) ราคารูปละ 42 บาท
  • ซื้อ 350 รูป (มีเวลาดาวน์โหลดรูป 1 เดือน) ราคารูปละ 19 บาท

ส่วนถ้าซื้อภาพแบบ enhanced license ราคาจะเป็นเท่านี้ครับ (การซื้อภาพลิขสิทธิ์ประเภทนี้ นี้ต้องเลือก plan แบบซื้อเป็นชุด ชุดละ 5 หรือ 25 รูป เท่านั้น ไม่มีให้สมัครสมาชิกรายเดือน)

  • ซื้อ 5 รูป (มีเวลาดาวน์โหลดรูป 1 ปี) ราคารูปละ 2,963 บาท
  • ซื้อ 25 รูป (มีเวลาดาวน์โหลดรูป 1 ปี) ราคารูปละ 2,243 บาท

นี่เป็นราคาโดยประมาณ ให้เห็นภาพคร่าวๆ เท่านั้นนะครับ โดยสมมุติว่าอัตราแลกเปลี่ยนคือ 33 บาท ต่อ 1 USD ราคาจริงขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเวลานั้นๆ ครับ

ถ้าคุณกำลังสงสัยเรื่อง license เรื่อง plan หรือระยะเวลาดาวน์โหลดรูป ให้อ่านหัวข้อต่อๆ ไป จะเข้าใจแจ่มแจ้งครับ

Standard vs. Enhanced license ต่างกันยังไง

ขั้นตอนแรกของการซื้อรูป Shutterstock คือ คุณต้องรู้การใช้งานของคุณ ต้องใช้ license ประเภทไหน

เพราะประเภท license (สิทธิ์ใช้งาน) เป็นตัวกำหนดว่าคุณสามารถนำภาพไปใช้งานลักษณะไหนได้บ้าง (standard license ราคาถูกกว่า แต่ก็มีขอบเขตการใช้งานแคบกว่า enhanced license)

สมมุติว่าคุณซื้อผิด ไปซื้อภาพแบบ standard license มา แล้วมารู้ทีหลังว่าจริงๆ คุณต้องใช้ enhanced license คุณจะต้องเสียเงินซื้อรูปเดิมแต่เป็นประเภท enhanced license อีกครั้งนะครับ (ราคาที่ต้องจ่ายจะเป็นราคาเต็มของ enhanced license ไม่ใช่ราคาส่วนต่าง)

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าต้องใช้ license แบบไหน?

วิธีแรกคือ เข้าไปอ่านรายละเอียดของ license ทั้งสองประเภทที่ลิงก์ด้านล่าง

ทีนี้ปัญหาคือ ถ้าคุณอ่านเงื่อนไขลิขสิทธิ์เอง (ต่อให้เป็นภาษาไทยก็เถอะ) คุณอาจจะยังสับสนว่าการใช้งานของคุณมันเข้าเงื่อนไขไหนแน่ (อ่านหน้าภาษาไทยก็ไม่ค่อยช่วย เพราะบางจุดเขียนงงกว่าภาษาอังกฤษอีก)

ผมจึงขออธิบายเงื่อนไขลิขสิทธิ์โดยใช้ภาษาง่ายๆ พร้อมกับยกตัวอย่างให้ดู เพื่อให้เห็นผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายครับ

สิทธิ์ใช้งานแบบมาตรฐาน (Standard License)

กรณีการใช้งาน 5 ข้อต่อไปนี้ ซื้อแค่ standard license ก็เพียงพอครับ

  1. ใช้เป็นรูปภาพประกอบสื่อดิจิตอลต่างๆ เช่น
    • เว็บไซต์หรือบล็อก (เช่น ใน sales page หรือบทความ)
    • โฆษณาออนไลน์ (เช่น ใน Facebook ads)
    • Social media
    • Mobile apps
    • ซอฟต์แวร์ (โปรแกรมคอมพิวเตอร์, web application)
    • อีบุ๊ค
    • วิดีโอสำหรับแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Dailymotion, Vimeo
  2. ใช้เป็นรูปภาพประกอบสิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น บรรจุภัณฑ์หรือป้ายฉลากสินค้า, หัวจดหมาย, นามบัตร, โบรชัวร์, หนังสือ, แม็กกาซีน
    • มีเงื่อนไขคือจำนวนที่พิมพ์ “รวมกัน” ต้องไม่เกิน 500,000 ครั้ง (no Image is reproduced more than 500,000 times in the aggregate)
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อภาพหนึ่งๆ แล้วเอาไปใช้ประกอบหนังสือ A ซึ่งพิมพ์จำนวน 300,000 เล่ม และเอาภาพเดียวกันไปใช้ในหนังสือ B ซึ่งพิมพ์จำนวน 100,000 เล่ม แบบนี้ได้เพราะจำนวนตีพิมพ์รวมยังไม่เกิน 500,000 ครั้ง
    • อีกตัวอย่าง ถ้าคุณขายแก้วน้ำ (ผลิตแค่ 100,000 ใบ) แล้วเอาภาพไปประกอบ “บรรจุภัณฑ์ (กล่อง)” ของสินค้าคุณ แบบนี้โอเคครับ แต่ถ้าคุณเอาภาพไปพิมพ์บนแก้วน้ำ (ตัวสินค้า) แบบนี้ไม่ได้ครับ ต้องใช้ enhanced license
    • อีกตัวอย่าง ถ้าคุณเอารูปไปประกอบซองขนมคุณ (ฉลากสินค้า) ซึ่งผลิตขายปริมาณน้อย ไม่ถึง 500,000 ห่อ แบบนี้ใช้ได้ (แต่ถ้าขนมคุณวางขายในเซเว่น ขายได้เป็นล้านๆ อันนี้ไม่ได้ครับ)
  3. ใช้ประกอบสื่อโฆษณานอกสถานที่ เช่น บิลบอร์ด ป้ายประกาศต่างๆ
    • โดยมีเงื่อนไขว่ากลุ่มเป้าหมายจะต้อง “มองเห็น” สื่อโฆษณานั้นๆ น้อยกว่า 500,000 ครั้ง (the intended audience for such campaign is less than 500,000 gross impressions)
  4. ใช้ในภาพยนตร์, วิดีโอ, ซีรีส์โทรทัศน์, โฆษณา (รวมทั้งสื่อประเภทอื่นๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักหรือจะเกิดขึ้นใหม่หลังจากนี้)
    • โดยขนาดของกลุ่มเป้าหมายจะเป็นเท่าไหร่ก็ได้ (without regard to audience size)
    • แต่มีเงื่อนไขว่างบประมาณสำหรับการผลิตสื่อดังกล่าวจะต้องไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (the budget for any such production does not exceed USD $10,000)
  5. ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัวที่ไม่ใช่ในเชิงพาณิชย์ เช่น พิมพ์ภาพไปแปะผนังห้องนอน, เอาไปเป็น background โทรศัพท์มือถือ

สิทธิ์ใช้งานแบบเพิ่มเติม (Enhanced license)

กรณีการใช้งานต่อไปนี้ ต้องซื้อภาพ Shutterstock แบบ enhanced license

  1. ถ้าคุณอยากใช้ภาพในสื่อประเภทต่างๆ ที่กล่าวไว้ในหัวข้อที่แล้ว (สื่อสิ่งพิมพ์, สื่อนอกสถานที่, สื่อพวกหนังหรือละคร) โดยไม่ติดข้อกำจัดต่างๆ ของ standard license (หมายความว่า พอซื้อแบบ enhanced license คุณจะสามารถผลิตสินค้าหรือเผยแพร่สื่อได้อย่างอิสระ โดยไม่ติดข้อจำกัดพวก 500,000 ครั้ง หรือข้อจำกัดงบไม่เกิน 10,000 ดอลล่าห์)
  2. ใช้ประกอบ “ตัวสินค้า” ชนิดจับต้องได้หรือสินค้าส่งเสริมการขาย (สามารถพิมพ์ภาพลงบน “ตัวสินค้า” ได้เลย ไม่ใช่แค่บนบรรจุภัณฑ์หรือฉลาก) สินค้าประเภทนี้ก็เยอะมากครับ เช่น เสื้อผ้า, งานศิลปะ, ปฏิทิน, ของเล่น, สมุด, กล่องดินสอ, การ์ดอวยพร และอื่นๆ อีกมากมาย แต่การที่จะใช้งานในลักษณะนี้ได้ต้องทำตามเงื่อนไข “อย่างน้อย” หนึ่งในสองข้อด้านล่าง (คือถ้าการใช้งานเข้าเงื่อนไขเพียงแค่ข้อเดียวก็โอเค)
    1. สินค้านั้นต้องมีส่วนประกอบเชิงสร้างสรรค์อื่นๆ นอกเหนือจากรูปภาพ (such Merchandise incorporates material creative) อย่างถ้าคุณซื้อรูปทิวทัศน์สวยๆ มารูปเดียวโดดๆ แล้วคุณเอาไปพิมพ์ขายเลย แบบนี้ไม่ได้ครับ แต่ถ้าซื้อรูปต้นไม้ หลายๆ รูป เพื่อเอามาประกอบสินค้าโปสเตอร์บอกชนิดต้นไม้ (ด้านล่างของรูปต้นไม้อาจจะมีตัวหนังสือบอกประเภทต้นไม้นั้นๆ) แบบนี้ได้ครับ
    2. ถ้าเอารูปออกจากสินค้านั้นๆ มันจะต้องคงประโยชน์ใช้สอยอื่นอยู่ (functional elements apart from the Image) ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าคุณเอารูปไปพิมพ์เป็นลายเสื้อยืดหรือลายแก้วน้ำ อย่างนี้ได้ครับ เพราะถึงเอารูปออก สินค้าคุณก็ยังมีประโยชน์ใช้สอยอื่นอยู่ (เสื้อก็ยังใช้ใส่ได้ แก้วก็เอาไปกินน้ำได้)
  3. ใช้ตกแต่งผนังในพื้นที่เชิงพาณิชย์ซึ่งคุณหรือลูกค้าของคุณเป็นเจ้าของ และไม่ใช่เพื่อจำหน่าย อย่างถ้าเอาภาพไปตกแต่งผนังในออฟฟิศบริษัทคุณ อย่างนี้ได้ครับ แต่ถ้าเอาไปตกแต่งผนังคอนโดที่คุณกำลังปลูกสร้างเพื่อขาย แบบนี้ไม่ได้ครับ
  4. เอาไปประกอบเทมเพลตดิจิทัลสำหรับขายหรือแจกจ่าย
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็น web designer แล้วคุณต้องการภาพไปใช้ใน WordPress theme ของคุณ ซึ่งคุณวางแผนว่าพอทำเสร็จแล้วจะเอาไปขายผ่าน theme marketplace ต่างๆ แบบนี้ต้องซื้อ enhanced license ครับ
    • แต่ถ้ามีคนมาจ้างคุณให้แก้ design ของ theme เว็บไซต์เค้าให้หน่อย แล้วคุณเอาภาพจาก Shutterstock ไปใช้ แบบนี้ใช้แค่ standard license พอครับ (กรณีนี้มันจะไปเข้าเงื่อนไขแรกของ standard license)

จะเห็นได้ว่าถ้าเป็น enhanced license คุณจะเอาภาพไปใช้งานในขอบเขตที่กว้างกว่าแบบ standard license แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ ไม่ใช่ว่าจะเอารูปไปทำอะไรก็ได้ครับ

หากการใช้งานคุณไม่ได้ถูกระบุไว้ในเงื่อนไข หรืออยากคอนเฟิร์มให้แน่ใจ คุณสามารถสอบถามกับทาง Shutterstock ได้โดยตรงเลยครับ ผ่านทางหน้านี้ shutterstock.com/help

อัพเกรดเป็น Enhanced license ทีหลังได้ไหม

สมมุติคุณซื้อรูปแบบ standard license ไปประกอบฉลากของสินค้าเล็กๆ ของคุณ แล้วอยู่ๆ มันเริ่มขายดีจนคุณคิดว่ายอดขายน่าจะเกิน 500,000 ชิ้นในเร็ววัน คุณจะทำยังไงดี

ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ ก็ง่ายๆ ครับ คุณก็แค่กลับไปซื้อภาพเดิมอีกทีแต่เป็นแบบ enhanced license เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย

วิธีการก็คือ ให้ล็อกอินเว็บ Shutterstock แล้วกดที่ไอคอนรูปคน (ตรงมุมบนขวา) แล้วเลือก Downloads คุณจะเห็นรูปทั้งหมดที่คุณได้ดาวน์โหลดไปแล้ว พร้อมกับประเภทของ license ด้านล่างแต่ละรูป

ให้คลิกที่รูปที่ต้องการอัพเกรด license แล้วติ๊กเลือก Upgrade to Enhanced License แล้วกด Download ครับ

จะมีหน้าต่างขึ้นมาเพื่อให้ซื้อ plan แบบ enhanced license (โดยราคาที่ต้องจ่ายจะเป็นราคาเต็ม ไม่ใช่ราคาส่วนต่างระหว่าง license สองประเภทนะครับ)

อธิบาย Plan ประเภทต่างๆ

พอคุณรู้แล้วว่าคุณต้องซื้อ license ประเภทไหน ที่เหลือก็แค่เลือกซื้อ plan ที่เหมาะสม

Plan ของ Shutterstock หลักๆ จะมีให้เลือก 2 แบบ

  1. แบบสมัครสมาชิก (all-in-one subscription) ซื้อได้เฉพาะรูปแบบ standard license
  2. แบบซื้อเป็นชุด (packs) ดาวน์โหลดรูปเมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ ภายในเวลาหนึ่งปี ซื้อได้ทั้ง standard และ enhanced license

มาดูรายละเอียดกันดีกว่าครับ

Plan แบบสมาชิกแบบครบครัน (all-in-one subscription)

Plan ประเภทนี้ เอาไว้สำหรับซื้อภาพแบบ standard license เท่านั้น ถ้าคุณต้องการภาพแบบ enhanced license ข้ามไปอ่าน plan แบบซื้อเป็นชุด ได้เลยครับ

Plan แบบนี้คือเราจ่ายเงินรายเดือน (หรือรายปี) โดยเลือกว่าต้องการใช้กี่ “เครดิต” ต่อเดือน (10, 25, 50, 350, 750 เครดิต) โดย 1 เครดิตจะดาวน์โหลดได้ 1 ภาพพอดี (คุณสามารถเอาเครดิตไปใช้ดาวน์โหลดวิดีโอและเพลงได้ด้วย แต่ไฟล์พวกนั้นจะใช้เครดิตเยอะกว่า) ยิ่งซื้อเครดิตเยอะ ราคาต่อภาพยิ่งถูก

ทีนี้พอเลือกได้แล้วว่าต้องการใช้กี่เครดิตต่อเดือน (หรือก็คือกี่ภาพนั่นแหละครับ) ส่วนถัดมาคือตัวเลือกการชำระเงิน ให้เลือกว่าจะจ่ายเงินแบบไหน (ดูคำอธิบายใต้รูป)

  • รายปีแบบเรียกเก็บเป็นเดือน (Annual billed monthly) มีข้อผูกมัดว่าต้องเราเป็นสมาชิก 1 ปี แต่เก็บเงินเป็นรายเดือน ราคาต่อรูปจะถูกกว่าแบบ “รายเดือน ไม่มีสัญญา” แต่ถ้าเรายกเลิกก่อนครบปี เค้าเขียนว่าอาจโดนค่าปรับได้ครับ (แต่ไม่บอกว่าเท่าไหร่)
  • รายปีแบบเรียกเก็บทันที (Annual billed upfront) จ่ายล่วงหน้าหนึ่งปีไปเลย แบบนี้ราคาต่อรูปจะถูกที่สุด
  • รายเดือน ไม่มีสัญญา (Monthly, no contract) จ่ายรายเดือน แบบไม่มีข้อผูกมัด ยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ ราคาต่อรูปจะแพงที่สุด

การชำระเงินสองแบบแรกเหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อรูปภาพทุกเดือนเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี หากคุณต้องการซื้อรูปเป็นครั้งคราว เช่น เดือนนี้ซื้อทีนึง ผ่านไปหลายเดือนค่อยซื้ออีกทีนึง คุณมีสองทางเลือกครับ

  1. เลือก plan แบบสมาชิกครบครัน และเลือกวิธีชำระเงินเป็นแบบรายเดือน ไม่มีสัญญา และพอจ่ายเงินสมัครปุ๊ปก็ให้เข้าไปปิดการต่ออายุสมาชิกอัตโนมัติในเว็บ Shutterstock ทันที (ก็คือเป็นสมาชิกแค่เดือนเดียวอ่ะแหละ) แบบนี้คุณจะมีเวลาดาวน์โหลดรูป 1 เดือน
  2. เปลี่ยนไปเลือก plan แบบซื้อเป็นชุดแทน (รายละเอียด plan นี้อยู่ด้านล่าง) แบบนี้คุณจะมีเวลาดาวน์โหลดได้ 1 ปีเลย แต่ข้อเสียคือราคาต่อรูปจะแพงกว่าวิธีเป็นสมาชิกเดือนเดียว

Plan แบบสมาชิกนั้น ถ้าครบรอบเดือนเมื่อไหร่ แล้วคุณใช้เครดิตไม่หมด (เช่น ใช้ไปแค่ 200 จาก 350 เครดิต) จำนวนเครดิตที่เหลือก็คือเสียเปล่า (ไม่มีการเอาจำนวนที่เหลือไปบวกเพิ่มในรอบถัดไป) เพราะฉะนั้นก่อนครบรอบ อย่าลืมดาวน์โหลดรูปเพื่อใช้เครดิตให้หมด จะได้ไม่เสียเปล่าครับ

การเป็นสมาชิกแค่เดือนเดียว ทำยังไง

ก็ง่ายๆ ครับ หลังจากที่คุณสมัครสมาชิก และจ่ายเงินซื้อ plan แล้ว ให้คลิกเครื่องหมายรูปคนที่มุมขวาบนของเว็บ (จะมองไม่เห็นถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน) เลือก รายละเอียดบัญชี แล้วเลือก แผน แล้วปิดฟังก์ชัน auto renew ครับ

อันนี้ทำได้ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงใกล้ๆ วันสุดท้ายนะครับ เครดิตที่เรามีอยู่ก็ยังใช้ได้จนกว่าจะหมดรอบเดือนนั้นๆ (ไม่ต้องกลัวว่าพอยกเลิกแล้วจะใช้เครดิตที่เหลือไม่ได้ครับ)

เท่านี้พอครบรอบเดือนมันก็จะไม่ตัดเงินจากบัตรเครดิตเราครับ

Plan แบบซื้อเป็นชุด (packs)

Plan แบบนี้คือคุณชำระเงินครั้งเดียว แล้วคุณจะสามารถดาวน์โหลดภาพตามจำนวนที่กำหนดไว้ (มีให้เลือกว่าจะซื้อ 5 หรือ 25 ภาพ) ภายใน 1 ปี ถ้าพ้นปีแล้วโหลดไม่ครบคือเสียเปล่า

Plan แบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ปีนึงต้องการใช้รูปจำนวนน้อยมากๆ นานๆ ที (ใช้ทีนึงก็แค่ไม่กี่ภาพ)

Plan นี้ไม่ซับซ้อน คุณแค่เลือกจำนวนภาพที่ต้องการซื้อ และต้องการลิขสิทธิ์ประเภทไหน

ซึ่งถ้าคุณต้องการ enhanced license (สิทธิ์ใช้งานแบบเพิ่มเติม) ก็ต้องซื้อ plan ประเภทนี้ครับ ซึ่งแน่นอนว่าราคารูปแบบ enhanced จะสูงกว่าแบบ standard มาก

ซื้อภาพ Shutterstock ภาพเดียวได้ไหม

อันนี้ผม chat ถาม customer support ของ Shutterstock มาให้แล้วครับ ได้รับคำตอบด้านล่าง

สรุปคือ Shutterstock ไม่มี plan สำหรับซื้อรูปเดียวครับ

ถ้าคุณอยากได้รูปแค่รูปเดียว คุณต้องยอมซื้อ plan แบบชุด 5 รูป ที่ราคา $49 (สำหรับ standard license) หรือที่ราคา $499 (สำหรับ enhanced license) คุณจะดาวน์โหลดรูปที่เหลือได้ภายในหนึ่งปี

อันนี้ก็แล้วแต่คุณแล้วครับ ว่าจะซื้อไหม ถ้าคุณคิดว่าภายในหนึ่งปีน่าจะมีโอกาสต้องใช้รูปเพิ่มเติม (ซึ่งผมว่ามีโอกาสสูงนะ) ก็ซื้อไปเถอะครับ

ถ้าโปรเจคคุณมีทีมงานหลายคน แต่ละคนก็มีความต้องการใช้ภาพเหมือนกัน Shutterstock มี plan สำหรับผู้ใช้หลายคนด้วยนะครับ

แต่ plan นี้จะมีราคาต่อรูปที่แพงกว่าแบบผู้ใช้รายเดียวพอสมควรเลยครับ (ต่อให้รูปจำนวนเท่ากันก็ตาม)

วิธีซื้อรูป Shutterstock

พอเลือก plan ที่เหมาะสมได้แล้ว ก็ซื้อภาพได้เลยครับ Shutterstock รับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต และ PayPal

ไปที่เว็บ Shutterstock.com (กดลิงก์ได้เลยครับ จะเปิดในหน้าใหม่)

ให้สร้างบัญชีผู้ใช้งานก่อน โดยคลิกที่ปุ่ม สมัครใช้งาน ด้านบนของเว็บไซต์ แล้วใส่ email address และตั้งรหัสผ่าน (หรือถ้ามีบัญชีอยู่แล้วให้กดลิงก์ ล็อกอิน)

พอมีบัญชีแล้ว (และล็อกอินเข้าใช้งานแล้ว) กดไปที่หน้า อัตราค่าสมาชิก เลือก plan ที่ต้องการ แล้วกดซื้อ

คุณจะเข้ามาที่หน้าชำระเงิน ให้กรอกข้อมูลสองส่วน

ส่วนแรกคือวิธีการชำระเงิน กรอกข้อมูลบัตรเครดิตลงไป (หรือเลือกชำระผ่าน PayPal)

ส่วนต่อมาคือที่อยู่เรียกเก็บเงิน (Billing address)

ทีนี้ถ้าคุณเลือก plan แบบซื้อเป็นชุด (ไม่ใช่แบบสมาชิก) สิ่งที่ต้องระวังคือมันจะมี option ให้เลือกด้วยว่าจะต่ออายุอัตโนมัติไหมเมื่อครบปี และ option นี้มันถูกติ๊กไว้ให้เสร็จสรรพแล้วซะด้วย แนะนำให้เอา option นี้ออกครับ (แต่ถ้าลืมติ๊กออก ก็สามารถยกเลิกทีหลังผ่านเมนูในเว็บได้)

จากนั้นให้ในส่วนที่ถามว่า คุณมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ ให้ใส่เลขประจำตัวประชาชนของเราไปครับ (หรือถ้าคุณซื้อในนามบริษัทก็ให้ใส่เลขทะเบียนนิติบุคคลลงไป) เราจะได้ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

จากนั้นให้กดปุ่มชำระเงิน ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ

วิธีการใช้งานเว็บไซต์ Shutterstock

เว็บไซต์ Shutterstock ใช้งานง่ายครับ เลยจะขออธิบายเฉพาะการใช้งานหลักๆ คร่าวๆ ดังนี้

ถ้าคุณกดเครื่องหมายรูปคนที่มุมขวาบน คุณจะเห็นเมนูนี้แสดงขึ้นมา

คำอธิบายภาพด้านบน

  • รายละเอียดบัญชี เข้าไปจัดการบัญชีเราเช่น
    • ดูว่า plan ปัจจุบันคืออะไร ดูจำนวนดาวน์โหลดหรือเครดิตที่เหลือ
    • ลบหรือเพิ่มข้อมูลบัตรบัตรเครดิต
    • ยกเลิกการต่ออายุอัตโนมัติ (พอครบรอบบิลจะไม่ตัดเงินจากบัตรเครดิตเรา)
  • การดาวน์โหลด เข้าไปดูภาพที่เราเคยดาวน์โหลด(ซื้อ)ไปแล้ว เราสามารถโหลดรูปพวกนี้ใหม่อีกครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ทีนี้เวลาเราค้นหารูป มันจะมีฟิลเตอร์ให้เลือก เพื่อให้คัดกรองผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้ ทำให้ค้นหาภาพได้เร็วขึ้น

ตัวอย่างเช่นเราสามารถเลือกฟิลเตอร์ ประเภทของภาพ เพื่อแสดงเฉพาะภาพประเภทที่ต้องการ

  • ภาพถ่าย แสดงภาพถ่ายจากกล้องถ่ายรูป
  • เวกเตอร์ แสดงภาพวาดประเภทที่สามารถเอาไปขยายได้โดยที่ภาพไม่แตก
  • ภาพประกอบ แสดงภาพวาด (ด้วยมือหรือโปรแกรม)

เวลาเจอภาพที่น่าสนใจ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะดาวน์โหลดภาพนั้นดีไหม คุณสามารถ save ภาพเก็บไว้ก่อนเพื่อเอามา review ทีหลังได้

จบแล้วครับสำหรับสิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อรูปจาก Shutterstock หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะครับ

2 thoughts on “วิธีซื้อภาพ Shutterstock (ราคา, ซื้อภาพเดียว, เงื่อนไข)”

  1. แล้วจะต้องแสดง license ยังไงครับ
    เพราะยูทูปต้องการ clear rights to use in video ครับ ตอนนี้มีปัญเรื่องนี้ครับ ซึ่งเขากล่าวว่าเรา Reuse ครับ ถ้าไม่เคลียร์ก็ไม่รับเข้าYPP

Comments are closed.