วิธีการซื้อรูป/ภาพถ่าย จากเว็บขายรูปภาพออนไลน์

คุณกำลังมองหารูปภาพสวยๆ “แบบถูกลิขสิทธิ์” เพื่อใช้ประกอบสินค้า, เว็บไซต์, งานพิมพ์, หรืองานอื่นๆ ใช่หรือไม่

ถ้าใช่ คุณมาถูกที่แล้วครับ บทความนี้ ผมจะแชร์แหล่งซื้อรูปภาพสำหรับโปรเจคของคุณครับ

สรุปเนื้อหา

มาเริ่มกันเลยครับ

รวมเว็บแจกรูปภาพฟรี “ไม่มีลิขสิทธิ์”

เนื่องจากรูปภาพ stock photo มีราคาค่อนข้างแพง (ถึงแพงมาก) ก่อนจะเสียเงินซื้อรูปจากเว็บขายภาพต่างๆ ผมแนะนำให้หาภาพจากเว็บไซต์แจกรูปภาพฟรีดูก่อน

สมัยก่อนเว็บพวกนี้ มักแจกแต่รูปคุณภาพต่ำ (เพราะภาพดีๆ คนก็เอาไปขายกันหมด) แต่ปัจจุบันไม่เป็นอย่างนั้นแล้วครับ ไม่เชื่อลองดูรูปตัวอย่างด้านล่างได้

ผมคัดมาเฉพาะเว็บไซต์ที่เข้าข่ายต่อไปนี้นะครับ

  1. รูปภาพส่วนใหญ่มีคุณภาพสูง (ระดับเดียวกับภาพ stock photo ที่เค้าซื้อขายกัน)
  2. รูปภาพไม่มีลิขสิทธิ์ (copyright-free images)
  3. สามารถนำรูปไปใช้ได้ ทั้งใช้ส่วนตัวและเชิงพานิชย์ ไม่จำเป็นต้องให้เครดิตเจ้าของรูป

ผมจะลิงค์ไปหน้าแสดง “เงื่อนไขการใช้รูปภาพ” ของแต่ละเว็บไว้ด้วย เผื่อผู้อ่านอยากอ่านรายละเอียด

1. Unsplash

Unsplash - Beautiful Free Images
เงื่อนไขการใช้รูปภาพ https://unsplash.com/license

2. Pixabay

Pixabay - Stunning Free Images
เงื่อนไขการใช้รูปภาพ https://pixabay.com/service/faq/

3. Pexels

Pexels - Free Stock Photos
เงื่อนไขการใช้รูปภาพ https://www.pexels.com/license/

4. Gratisography

Gratisography - Free High Resolution Pictures
เงื่อนไขการใช้รูปภาพ https://gratisography.com/license/

ข้อจำกัดของเว็บแจกรูปฟรี

ถ้าคุณลองสังเกตดู จะเห็นว่าเว็บฟรีพวกนี้จะมีแต่รูปประเภท “ภาพถ่าย” ซะส่วนใหญ่ แต่แทบไม่มีรูปภาพกราฟฟิก เช่น ภาพเวกเตอร์, ไอคอน, การ์ตูน  (รูปพวกนี้สร้างโดยใช้โปรแกรมวาดภาพ ซึ่งใช้เวลาเยอะ เลยไม่ค่อยมีใครอยากแจกฟรี)

ปริมาณรูปและความหลากหลาย ก็เป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดของเว็บพวกนี้ สมมุติคุณอยากได้รูปที่เฉพาะเจาะจงมากๆ เช่น รูปแอปเปิ้ลในพื้นหลังสีขาว (apples in white background) โอกาสจะหารูปที่ต้องการแบบฟรีๆ นั้นยากมากๆ ครับ

ในทางกลับกัน ถ้าคุณค้นหาคำว่า “apples in white background” ในเว็บขายภาพต่างๆ  คุณจะเจอรูปที่ต้องการเพียบเลย

เพราะฉะนั้น หากหารูปที่ต้องการในเว็บฟรีไม่เจอ คุณก็ต้องซื้อรูปครับ

รู้จักกับ license ประเภทต่างๆ

เวลาซื้อรูปภาพ ลิขสิทธิ์รูปเป็นสิ่งที่คนมักจะงง เลยจะเขียนอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ครับ

เว็บขายรูปภาพส่วนมากมันจะมี license อยู่สองประเภทครับ คือ royalty-free license (standard license) กับ extended license (enhanced license) 

1. Royalty-free license (standard license)

โดยปกติ เวลาเราซื้อรูปตามเว็บต่างๆ license ที่ได้จะเป็นประเภท royalty free

Royalty-free หมายความว่า คุณเสียเงินซื้อรูปครั้งเดียว แต่สามารถนำรูปไปใช้ในหลายๆ โปรเจคโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเติม (ตราบใดที่การใช้งานอยู่ในขอบเขตที่ระบุไว้)

เนื่องจาก license ประเภทนี้นิยมใช้ในหมู่เว็บขายรูปภาพ (คือเป็น license มาตรฐาน) เว็บบางแห่งจะเรียก license นี้ว่า standard license 

โดยส่วนมากแล้ว ถ้าเราซื้อรูปแบบ royalty free เราสามารถเอารูปไปทำพวกนี้ได้

  • ใช้ประกอบบทความในเว็บไซต์ 
  • ใช้ประกอบโบรชัวร์ ใบปลิว หนังสือ (สำหรับการใช้รูปในงานพิมพ์พวกนี้ เว็บส่วนใหญ่จะกำหนดให้พิมพ์ออกมาได้ไม่เกินจำนวนที่กำหนด เช่น 250,000 ชิ้น ถ้าอยากพิมพ์เกินจำนวนที่กำหนดต้องซื้อ license อีกประเภท)
  • ใช้ประกอบสื่อดิจิตอลเช่น อีบุ๊ค คอร์สวิดีโอ (เช่นเดียวกันงานพิมพ์ อาจจะมีข้อกำหนดว่าสินค้าห้ามทำซ้ำเกินจำนวนที่กำหนด)
  • ใช้ประกอบโพสต์หรือโฆษณา ใน social media
ตัวอย่างการใช้งานรูป royalty-free license

หมายเหตุ: ตัวอย่างการใช้งานข้างต้น มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ royalty free license อย่างคร่าวๆ เท่านั้น ในทางปฏิบัติ เงื่อนไขพวกนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละเว็บไซต์ ผู้อ่านควรอ่านรายละเอียดจากทางเว็บเองด้วยครับ

2. Extended license

ถ้าเราต้องการใช้รูปในลักษณะอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน royalty free license เราต้องอัพเกรด (จ่ายเงินเพิ่ม) เป็นแบบ extended license ครับ ซึ่งมีราคาแพงกว่าแบบ standard license เยอะมาก

เว็บบางแห่งจะเรียก license ประเภทนี้ว่า enhanced license แต่จริงๆ ความหมายเดียวกันครับ

ตัวอย่างงานใช้งานที่ต้องใช้รูปแบบ extended license

  • ใช้รูปในงานพิมพ์ โดยมีจำนวนชิ้นเกินที่กำหนดไว้ เช่น พิมพ์โบรชัวร์เกิน 250,000 แผ่น
  • เอารูปไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เป็นลายเสื้อยืด ลายแก้วน้ำ หรือเป็นส่วนหนึ่งของตราสินค้า
  • ใช้เป็นส่วนหนึ่งของเทมเพลตเว็บไซต์สำหรับจำหน่าย
การนำภาพมาใช้ในผลิตภัณฑ์มักต้องใช้ extended license

ขอย้ำอีกทีว่า ตัวอย่างที่ยกมามีจุดประสงค์เพื่อให้เห็นภาพคร่าวๆ เท่านั้น เงื่อนไขที่แท้จริงจะต่างกันไปในแต่ละเว็บไซต์ เว็บไซต์ขายรูปบางแห่งอาจอนุญาติให้คุณใช้รูปแบบ standard license ในสินค้าพวกเสื้อยืดหรือแก้วน้ำได้ โดยไม่ต้องอัพเกรดเป็น extended license ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ

จะซื้อ license ที่ถูกต้องได้อย่างไร

ก่อนอื่นเลย ให้อ่านเงื่อนไขการใช้งานของเว็บนั้นๆ ว่ามีการระบุการใช้งานแบบที่คุณต้องการไว้หรือเปล่า มีบอกไว้ไหมว่าต้องซื้อ license ประเภทไหน

เงื่อนไขพวกนี้มักจะซับซ้อน (ผมอ่านทีไรปวดหัวทุกที) ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือเว็บไม่ได้ระบุการใช้งานแบบที่คุณต้องการไว้ ให้ติดต่อสอบสาม customer support ของเว็บนั้นๆ เลยครับ (สอบถามให้ชัดเจนก่อนที่จะซื้อรูป)

ตรวจสอบเรื่อง License ให้ดี อาจประหยัดเงินได้เยอะ

ก่อนจะเลือกซื้อรูปกับเว็บไหน อย่าสนใจแต่ราคาอย่างเดียว ต้องตรวจสอบด้วยว่าเว็บนั้นๆ มีเงื่อนไขการใช้รูปอย่างไร ต้องซื้อ license ประเภทไหน

 ผมจะแชร์ประสบการส่วนตัวให้ฟัง

  • ผมเคยต้องการซื้อรูปมาประกอบโปรเจคที่ผมทำอยู่ แล้วไม่แน่ใจว่าต้องใช้ license ประเภทไหน
  • ผมเลยติดต่อ support ของเว็บขายรูป 3 แห่ง เพื่อถามว่าว่าต้องซื้อ license แบบไหน
  • เว็บสองที่แรก บอกว่าผมต้องซื้อแบบ extended license แต่เว็บที่สุดท้ายบอกว่าซื้อแค่ standard license ก็เพียงพอ
  • แน่นอนครับ ผมเลือกซื้อรูปจากเว็บสุดท้าย เพราะ standard license ถูกกว่ามาก 

เพราะฉะนั้น หากคุณตรวจสอบเงื่อนไขของเว็บนึง แล้วพบว่าต้องซื้อ extended license ลองตรวจสอบกับเว็บอื่นๆ ดูครับ ว่าสามารถซื้อ standard license ได้หรือเปล่า คุณจะได้ไม่เสียเงินเยอะเกินความจำเป็น

ซื้อรูปจากเว็บไหนดี

ถ้าถามว่าซื้อรูปที่ไหนดี เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ…

  • เว็บนั้นมีแพ็คเกจที่เหมาะสมกับความต้องการคุณหรือเปล่า
  • เว็บนั้นมีเงื่อนไขการใช้รูปอย่างไร ต้องซื้อ license แบบ standard หรือแบบ extended 
  • เว็บนั้นมีรูปภาพที่คุณอยากได้หรือเปล่า มีให้เลือกเยอะไหม

เพราะฉะนั้น ผู้อ่านต้องเปรียบเทียบหาเว็บที่เหมาะสมเอาเองครับ

เพื่อความสะดวก ผมทำตารางข้อมูลของเว็บขายภาพที่คนไทยนิยมซื้อด้านล่างครับ ผู้อ่านจะได้เปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขได้ง่ายๆ

เว็บไซต์จำนวนรูปแพ็คเกจ/ราคาเงื่อนไขลิขสิทธิ์
Shutterstock221 ล้านเช็คราคาอ่านเงื่อนไข
Depositphotos80 ล้านเช็คราคาอ่านเงื่อนไข
Dreamstime87 ล้านเช็คราคาอ่านเงื่อนไข
Bigstock70 ล้านเช็คราคาอ่านเงื่อนไข
123rfไม่ระบุเช็คราคาอ่านเงื่อนไข

เนื่องจาก Shutterstock เป็นเว็บที่คนนิยมมากที่สุด (และผมก็ซื้อภาพจากเว็บนี้เป็นหลักด้วย) ผมเลยเขียนบทความการซื้อภาพ Shutterstock ไว้แยกต่างหากครับ (ในบทความจะมีข้อมูลราคา, มีการแจกแจง license แต่ละแบบครอบคลุมการใช้งานแบบไหนบ้าง, ฯลฯ)

น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถทำตารางเปรียบเทียบราคาระหว่างเว็บต่างๆ ได้ เพราะเว็บแต่ละที่มีจำนวนภาพ, แพ็คเกจราคา, และเงื่อนไขการใช้งานไม่เหมือนกัน

วิธีเลือกซื้อแพ็คเกจ ที่เหมาะสม

แพ็คเกจตามเว็บขายรูปหลักส่วนมากจะมี 3 ประเภท คือ 1) แบบ subscription และ 2) แบบดาวน์โหลด on demand และ 3) แบบจ่ายเงินซื้อ credits

แพ็คเกจแบบ subscription 

แพ็คเกจแบบนี้ เราจ่ายเงินรายเดือน (หรืออาจเป็นรายปี) แล้วสามารถดาวน์โหลดรูปได้ไม่เกินจำนวนที่กำหนด เช่นจ่าย $99 ต่อเดือน ดาวน์โหลดรูปได้สูงสุด 150 รูป วันละไม่เกิน 5 รูป

แพ็คเกจ subscription จะมีราคาต่อรูปถูกกว่าแบบ on demand เยอะมาก แต่ข้อเสียคือมักมีการจำกัดจำนวนรูปที่ดาวน์โหลดได้ต่อวัน ถ้าอยากโหลดรูปให้ได้มากที่สุด คุณต้องเข้าเว็บไปดาวน์โหลด “ทุกวัน” จนกว่า subscription จะหมดอายุ

แพ็คเกจแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่…

  • ต้องการรูปจำนวนเยอะพอสมควร
  • พอจะมีไอเดียแล้วว่าต้องการรูปภาพแบบไหนบ้าง

เนื่องจากแพ็คเกจ subscription จะมีการต่ออายุอัตโนมัติ ถ้าคุณคิดจะใช้แค่เดือนเดียว หลังสมัครเสร็จอย่าลืมล็อกอินแล้วไปปิดฟังก์ชัน auto renew (การต่ออายุอัตโนมัติ) นะครับ

เว็บบางแห่งอาจจะหักเงินสำหรับรอบใหม่ 1 – 3 วันก่อนหมดอายุ เพราะฉะนั้นอย่ารอจนถึงวันสุดท้ายค่อยจัดการนะครับ (แต่จริงๆ ถึงโดนตัดเงินเราสามารถขอ refund ได้ ผมทำมาแล้ว)

แพ็คเกจแบบดาวน์โหลด on demand 

แพ็คเกจแบบนี้จะมีความยืดหยุ่นกว่าแบบ subscription เราสามารถดาวน์โหลดรูปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องไม่เกินระยะเวลาที่กำหนด เช่น  จ่าย $99 สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งหมด 25 รูป วันไหนก็ได้ ภายใน 1 ปี

แต่ความยืดหยุ่นก็แลกมากับราคาต่อรูปที่แพงขึ้น แพ็คเกจแบบนี้เหมาะกับคนที่…

  • มีความต้องการใช้รูปเป็นครั้งคราว
  • ต้องการซื้อรูปแค่ไม่กี่รูป
  • อาจจะต้องดาวน์โหลดรูปเพิ่มในอนาคต แต่ยังไม่รู้ว่าต้องการรูปภาพแบบไหน

แพ็คเกจแบบจ่ายเงินซื้อ credits

แพ็คเกจแบบนี้คล้ายกับแบบ on demand ครับ คือดาวน์โหลดรูปเมื่อไหร่ก็ได้ภายในหนึ่งปี แลกกับราคาต่อรูปที่แพงขึ้น

สิ่งที่ต่างกันคือเราจ่ายเงินเพื่อซื้อ “เครดิต” (เช่นจ่าย $33 จะได้มา 40 เครดิต) แล้วเราก็เอาเครดิตที่ได้ไปแลกซื้อรูปอีกที

ผมไม่แนะนำให้ซื้อแพ็คเกจแบบนี้นะครับ เพราะเวลาเราซื้อเครดิต เราไม่รู้แน่ชัดว่าเราจะดาวน์โหลดได้กี่รูปกันแน่  ผมเคยซื้อแพ็คเกจแบบนี้ครั้งนึง แล้วพบว่า

  • ไฟล์แต่ละขนาดใช้จำนวนเครดิตไม่เท่ากัน ถ้าอยากดาวน์โหลดไฟล์ความละเอียดสูง ต้องใช้เครดิตเยอะขึ้น
  • รูปแต่ละประเภทใช้เครดิตไม่เท่ากัน

เพราะฉะนั้นถ้าต้องการใช้รูปเป็นครั้งคราว ซื้อแบบดาวน์โหลด on demand  ดีกว่าครับ (ถ้าเว็บนั้นไม่มีแพ็คเกจแบบที่ว่าก็ไปเว็บอื่นเอา)

ส่วนตัวผมเอง ผมชอบซื้อแพ็คเกจทั้งแบบ subscription และ on demand ครับ เวลาเริ่มโปรเจคใหม่ ผมจะซื้อแพ็คเกจแบบ subscription ก่อนเลย เนื่องจากราคาต่อรูปถูกมาก ทำให้ผมสามารถดาวน์โหลดรูปเยอะๆ มาเก็บไว้ ภายหลังต้องการรูปเพิ่มเติม ก็ซื้อแบบ on demand เอา

จบแล้วครับสำหรับวิธีการซื้อรูปภาพออนไลน์ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะครับ 🙂

2 thoughts on “วิธีการซื้อรูป/ภาพถ่าย จากเว็บขายรูปภาพออนไลน์”

  1. แล้วถ้าเราต้องการเอารูปไป process ต่อใน โปรแกรมอย่าง photoshop มันจะมีเงื่อนใขอะไรบ้างครับ

    • โดยทำไปเราสามารถดัดแปลงรูปได้อย่างอิสระเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราครับ เช่น crop รูป, กลับรูปจากซ้ายไปขวา, เพิ่มหรือตัดรายละเอียดบางอย่างออก แต่บางที่จะมีเงื่อนไขเช่นว่าหากมีบุคคลอยู่ในภาพ เราต้องไม่เอารูปไปตัดต่อในลักษณะที่เกิดความเสียหายกับคนๆนั้นครับผม

Comments are closed.